การออกแบบชิ้นงานสำหรับฉีดพลาสติก

การออกแบบชิ้นงานสำหรับ ฉีดพลาสติก (Plastic Injection Molding) เป็นหนึ่งในวิธีที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในอุตสาหกรรมการผลิต เนื่องจากสามารถผลิตชิ้นงานที่มีความซับซ้อน รูปทรงหลากหลาย และมีความแม่นยำสูงได้ในปริมาณมาก การออกแบบชิ้นงานที่เหมาะสมสำหรับการฉีดพลาสติกจึงเป็นหัวใจสำคัญที่จะช่วยให้ได้ชิ้นงานที่มีคุณภาพ ลดปัญหา defect ประหยัดต้นทุน และเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต

บทความนี้จะอธิบายหลักการออกแบบชิ้นงานสำหรับการฉีดพลาสติกอย่างละเอียด พร้อมแนวทางป้องกันปัญหาที่พบบ่อย เพื่อเป็นแนวทางสำหรับนักออกแบบ วิศวกร และผู้ที่เกี่ยวข้องกับงานฉีดพลาสติกโดยตรง

การออกแบบชิ้นงานสำหรับฉีดพลาสติก

1. ความสำคัญของการออกแบบชิ้นงานสำหรับฉีดพลาสติก

หลายครั้งที่การผลิตชิ้นงานพลาสติกเกิดปัญหา เช่น ชิ้นงานโก่งงอ (Warping), เกิดรอยเชื่อม (Weld Line), หรือมีรอยบุ๋ม (Sink Marks) ปัญหาเหล่านี้ไม่ได้เกิดจากกระบวนการฉีดพลาสติกเพียงอย่างเดียว แต่ต้นเหตุสำคัญมาจากการออกแบบชิ้นงานที่ไม่เหมาะสม

หากมีการออกแบบที่ถูกต้องตั้งแต่ต้น ไม่เพียงแต่ช่วยลดปัญหาในการผลิต แต่ยังช่วยให้ชิ้นงานมีความทนทาน ตรงตามมาตรฐานการใช้งาน และลดต้นทุนได้อย่างมีนัยสำคัญ

2. หลักการออกแบบชิ้นงานสำหรับฉีดพลาสติก

2.1 ความหนาของผนัง (Wall Thickness)

  • สม่ำเสมอ: ผนังชิ้นงานควรมีความหนาสม่ำเสมอเพื่อลดการหดตัวและการโก่งงอ
  • บางแต่แข็งแรง: ไม่ควรออกแบบให้หนาเกินความจำเป็น เพราะจะทำให้ cycle time นานและเกิด sink marks ได้ง่าย

2.2 มุมลาดเอียง (Draft Angle)

  • การเพิ่ม draft angle ช่วยให้ชิ้นงานหลุดออกจากแม่พิมพ์ได้ง่าย
  • ปกติควรมีมุมเอียงประมาณ 1–2 องศา หรือมากกว่านั้นขึ้นอยู่กับพื้นผิวชิ้นงาน

2.3 รัศมีมุมโค้ง (Radii & Fillet)

  • ไม่ควรออกแบบให้มีมุมแหลมเกินไป เพราะทำให้เกิด stress concentration
  • การเพิ่มรัศมีโค้งที่มุมช่วยให้การไหลของพลาสติกดีขึ้นและลดความเสี่ยงในการแตกร้าว

2.4 จุดฉีด (Gate Location)

  • การกำหนดตำแหน่ง Gate ที่เหมาะสมช่วยให้พลาสติกไหลเข้าสู่ cavity ได้อย่างสม่ำเสมอ
  • ถ้าเลือกตำแหน่ง gate ไม่ดี อาจทำให้เกิด weld line หรือ air trap ได้

2.5 การเสริมโครงสร้าง (Ribs & Bosses)

  • การเพิ่ม Ribs ช่วยเพิ่มความแข็งแรงโดยไม่ต้องเพิ่มความหนาของผนัง
  • การออกแบบ Bosses ควรมีขนาดและระยะห่างที่เหมาะสม เพื่อลด sink marks

2.6 Venting และการไล่อากาศ

  • การออกแบบช่องระบายอากาศช่วยป้องกัน air trap และ burn mark
  • Vent ควรมีขนาดเล็กพอที่จะไม่ทำให้พลาสติกไหลออก แต่ใหญ่พอให้ไล่อากาศได้

3. ปัญหาที่พบบ่อยในการออกแบบชิ้นงานฉีดพลาสติก

  1. Warping (โก่งงอ)
    เกิดจากความหนาไม่สม่ำเสมอหรือการหดตัวไม่สมดุล
    • วิธีแก้: รักษาความหนาให้สม่ำเสมอ และออกแบบโครงสร้างรองรับ
  2. Sink Marks (รอยบุ๋ม)
    มักเกิดบริเวณที่มี Boss หรือ Ribs หนามากเกินไป
    • วิธีแก้: ลดความหนา และใช้ Ribs ให้เหมาะสม
  3. Weld Lines (รอยเชื่อม)
    เกิดจากการไหลของพลาสติกที่มาบรรจบกัน
    • วิธีแก้: ปรับตำแหน่ง gate และเพิ่มอุณหภูมิ melt
  4. Air Trap (อากาศค้าง)
    เกิดจากการไหลของพลาสติกที่กักอากาศไว้ใน cavity
    • วิธีแก้: เพิ่ม venting ที่เหมาะสม
  5. Flash (เนื้อเกิน)
    เกิดจากการปิดแม่พิมพ์ไม่สนิทหรือตำแหน่ง parting line ไม่ดี
    • วิธีแก้: ปรับแรงกดและออกแบบแม่พิมพ์ใหม่
การออกแบบชิ้นงานสำหรับฉีดพลาสติก

4. การใช้ซอฟต์แวร์ช่วยออกแบบ (Mold Flow Analysis)

ในปัจจุบันการใช้ซอฟต์แวร์วิเคราะห์การไหลของพลาสติก (Mold Flow Analysis) มีความสำคัญอย่างมาก ช่วยให้สามารถจำลองการไหล ความดัน อุณหภูมิ และตำแหน่งที่อาจเกิดปัญหาก่อนการผลิตจริง

ข้อดีคือ:

  • ลดความเสี่ยง defect
  • ประหยัดเวลาในการ trial & error
  • ควบคุมต้นทุนการผลิตได้ดียิ่งขึ้น

5. แนวทางการออกแบบที่ดีเพื่อลดต้นทุน

  • ออกแบบให้สามารถผลิตได้ง่าย โดยใช้แม่พิมพ์ที่ซับซ้อนน้อยที่สุด
  • ลดการใช้ชิ้นส่วน insert หรือ slide ที่ไม่จำเป็น
  • เลือกวัสดุที่เหมาะสมกับการใช้งานจริง โดยไม่เกินมาตรฐานความแข็งแรงที่ต้องการ

การออกแบบชิ้นงานสำหรับ ฉีดพลาสติก ไม่ใช่เพียงเรื่องความสวยงามหรือฟังก์ชันการใช้งาน แต่เป็นการผสมผสานทั้งด้านวิศวกรรม การวิเคราะห์ และความเข้าใจในกระบวนการผลิต หากออกแบบอย่างถูกต้องตั้งแต่ต้น จะช่วยลดปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ประหยัดต้นทุนการผลิต และสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าได้อย่างยั่งยืน

ช่องทางติดต่อ

DEEMARK INDUSTRY CO.,LTD

3/27 หมู่ 2 ซ.วัดศรีเรืองบุญ ถ.กาญจนาภิเษก

ต.ปลายบาง อ.บางกรวย จ.นนทบุรี 11130

email : sukhumlee@gmail.com

Phone : 02-985-1546, 081-844-8224

Fax : 02-984-1538

line : 081.844.8224