ฉีดพลาสติกต้องรู้! วิธีการตั้งค่าการป้องกันแม่พิมพ์แรงดันต่ำ

ฉีดพลาสติกต้องรู้! วิธีการตั้งค่าการป้องกันแม่พิมพ์แรงดันต่ำ

ฉีดพลาสติกต้องรู้! วิธีการตั้งค่าการป้องกันแม่พิมพ์แรงดันต่ำ

ฉีดพลาสติกต้องรู้! วิธีการตั้งค่าการป้องกันแม่พิมพ์แรงดันต่ำ การฉีดพลาสติกเป็นกระบวนการที่ใช้ในอุตสาหกรรมการผลิตเพื่อสร้างชิ้นส่วนพลาสติกที่หลากหลาย การฉีดพลาสติกจะใช้เครื่องฉีดพลาสติกที่มีแม่พิมพ์ฉีดพลาสติก (mold) เพื่อรับรูปร่างของชิ้นงาน แม่พิมพ์ฉีดพลาสติกจะถูกฉีดด้วยน้ำยาละลายพลาสติกที่มีแรงดันสูงเข้าไป โดยปกติแล้วแม่พิมพ์ฉีดพลาสติกจะถูกตั้งค่าเพื่อที่จะให้ได้แรงดันที่เหมาะสมในกระบวนการฉีดพลาสติก อย่างไรก็ตาม ในบางกรณี อาจจะต้องมีการปรับค่าแรงดันลงเพื่อป้องกันการเกิดปัญหาที่อาจเกิดขึ้นเช่น เกิดแรงดันสูงเกินไปทำให้เกิดรอยแตกหักในชิ้นงาน หรือการฉีดพลาสติกไม่สม่ำเสมอ

การตั้งค่าการป้องกันแม่พิมพ์แรงดันต่ำคืออะไร

การตั้งค่าการป้องกันแม่พิมพ์ฉีดพลาสติกแรงดันต่ำ (Low Pressure Molding) เป็นกระบวนการที่ใช้ในการป้องกันแม่พิมพ์ฉีดพลาสติกจากแรงดันที่เกิดขึ้นในกระบวนการฉีดพลาสติก โดยการป้องกันแม่พิมพ์ฉีดพลาสติกจะช่วยลดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับแม่พิมพ์ฉีดพลาสติก และช่วยให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูงขึ้น

การตั้งค่าการป้องกันแม่พิมพ์แรงดันต่ำ

ขั้นตอนการตั้งค่าการป้องกันแม่พิมพ์แรงดันต่ำ

  1. ตรวจสอบแม่พิมพ์ฉีดพลาสติก

ตรวจสอบแม่พิมพ์ฉีดพลาสติก ว่ามีรอยแตกหักหรือไม่ หากพบว่าแม่พิมพ์ฉีดพลาสติกมีรอยแตกหัก ให้ทำการซ่อมแซมแม่พิมพ์ฉีดพลาสติกก่อนใช้งาน เพื่อป้องกันการเกิดความเสียหายในชิ้นงาน

  1. ตรวจสอบการปรับค่าแรงดัน

ตรวจสอบและปรับค่าแรงดันให้ถูกต้องตามค่าที่กำหนด โดยใช้เครื่องวัดแรงดัน (pressure gauge) ที่มีความแม่นยำสูง เพื่อให้ได้แรงดันที่เหมาะสมในกระบวนการฉีดพลาสติก ซึ่งค่าแรงดันฉีดพลาสติกที่เหมาะสมควรอยู่ที่ประมาณ 20-30 MPa หรือมากกว่านั้น ขึ้นอยู่กับชนิดของพลาสติกที่ใช้และขนาดของชิ้นงาน หากแรงดันฉีดพลาสติกต่ำเกินไป พลาสติกเหลวก็จะไม่สามารถไหลเข้าสู่แม่พิมพ์ฉีดพลาสติกได้จนเต็ม

  1. ตรวจสอบอุณหภูมิพลาสติก

อุณหภูมิพลาสติกที่เหมาะสมควรอยู่ที่ประมาณ 200-250 องศาเซลเซียส หากอุณหภูมิพลาสติกต่ำเกินไป พลาสติกเหลวก็จะมีความหนืดสูง ส่งผลให้การไหลของพลาสติกยากลำบาก

  1. ตรวจสอบความเร็วฉีดพลาสติก

ความเร็วฉีดพลาสติกที่เหมาะสมควรอยู่ที่ประมาณ 10-20 มม./วินาที หากความเร็วฉีดพลาสติกต่ำเกินไป พลาสติกเหลวก็จะไม่สามารถไหลเข้าสู่แม่พิมพ์ฉีดพลาสติกได้จนเต็ม

สาเหตุที่ทำให้แถบรัดเครื่องฉีดพลาสติกแตก
  1. ตรวจสอบแรงดันโฮลด์

แรงดันโฮลด์ที่เหมาะสมควรอยู่ที่ประมาณ 10-20 MPa หรือมากกว่านั้น ขึ้นอยู่กับชนิดของพลาสติกที่ใช้และขนาดของชิ้นงาน แรงดันโฮลด์จะช่วยรักษารูปร่างของชิ้นงานไม่ให้เกิดการเสียรูปหลังจากการฉีดพลาสติก

  1. ตรวจสอบการไหลของพลาสติก

หากตรวจสอบแล้วพบว่าแรงดันฉีดพลาสติก อุณหภูมิพลาสติก ความเร็วฉีดพลาสติก และแรงดันโฮลด์อยู่ในระดับที่เหมาะสมแล้ว แต่ชิ้นงานก็ยังไม่สามารถฉีดพลาสติกเต็มได้ ปัญหาอาจเกิดจากปัญหาการไหลของพลาสติก ในกรณีนี้อาจต้องตรวจสอบสาเหตุอื่นๆ เช่น ปัญหาที่ทางน้ำพลาสติก ปัญหาที่หัวฉีดพลาสติก หรือปัญหาที่แม่พิมพ์ฉีดพลาสติก

วิธีการตั้งค่าการป้องกันแม่พิมพ์แรงดันต่ำ

  • แรงดันฉีด: 25 MPa
  • อุณหภูมิพลาสติก: 220 องศาเซลเซียส
  • ความเร็วฉีด: 15 มม./วินาที
  • แรงดันโฮลด์: 15 MPa

หากตั้งค่าตามที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว ชิ้นงานควรสามารถฉีดพลาสติกเต็มได้โดยไม่มีปัญหา อย่างไรก็ตาม การตั้งค่าอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับชนิดของฉีดพลาสติกที่ใช้และขนาดของชิ้นงาน ดังนั้นจึงควรทำการทดลองเพื่อให้ได้ค่าที่เหมาะสมที่สุด

นอกจากการปฏิบัติตามวิธีการตั้งค่าข้างต้นแล้ว ยังสามารถป้องกันแม่พิมพ์แรงดันต่ำได้โดยใช้อุปกรณ์เสริม เช่น อุปกรณ์ช่วยฉีดพลาสติก (Plastic Injection Aid) หรืออุปกรณ์วัดแรงดันฉีดพลาสติก (Injection Pressure Gauge) อุปกรณ์เหล่านี้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการฉีดพลาสติกและช่วยลดปัญหาต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้

หากใครที่สนใจฉีดพลาสติกสามารถสอบถามเราได้เลยนะคะ บริษัทดีมาคอุตสาหกรรมจำกัด เราเป็นผู้ผลิตชิ้นงานฉีดพลาสติกที่มีประสบการณ์การณ์มามากกว่า 30 ปี สามารถผลิตชิ้นงานฉีดพลาสติกได้มีคุณภาพดีมากที่สุดและยังรับฉีดพลาสติกจำนวนน้อยไปจนถึงจำนวนมาก มีบริการให้คำแนะนำปรึกษาสำหรับใครที่สนใจฉีดพลาสติกสามารถสอบถามกันเข้ามาได้เลยนะคะ

สนใจฉีดพลาสติกติดต่อได้ที่

DEEMARK INDUSTRY CO.,LTD

3/27 หมู่ 2 ซ.วัดศรีเรืองบุญ ถ.กาญจนาภิเษก

ต.ปลายบาง อ.บางกรวย จ.นนทบุรี 11130

Phone: 02-985-1546, 081-844-8224

Fax: 02-984-1538